หนทางรวย การแก้ปัญหาการเงิน โดย ธ. ธรรมรักษ์

หนทางรวย การแก้ปัญหาการเงิน,การงานและสร้างความรวยอย่างเร่งด่วนจะทำอย่างไร
ธันวาคม 13, 2013 โดย ธ. ธรรมรักษ์



วิธีการแก้ปัญหาเรื่องการเงินและการงานที่กำลังเกิดขึ้นที่ผู้เขียนต้องการจะบอกกล่าวแนะนำดังต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับทางความเชื่อแต่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วจากครูบาอาจารย์ชั้นนำหลายท่านของเมืองไทย ผู้เขียนขอน้อมโมทนาบุญที่จะเกิดแก่หนังสือเล่มนี้แด่ท่านเหล่านั้นรวมถึงคุณผู้อ่านทุกท่านที่มีโอกาสได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ที่จะได้รับข้อมูลอันเป็นประโยชน์ที่ได้รับการถ่ายทอดมาอย่างสูงสุดแต่อย่างไรก็ตามการที่ข้อมูลในหนังสือเล่มนี้จะมีประโยชน์ต่อคุณผู้อ่านมากน้อยเพียงใดนั้น ก็อยู่ที่ตัวของคุณผู้อ่านทุกท่าน

ต้องเริ่มปฏิบัติตั้งแต่วันนี้โดยต้องเริ่มจากการหยุดการกระทำบาปหยุดการกระทำที่ไม่ดีทั้งปวงให้หมดสิ้นเสียก่อน ถ้าไม่ปิดทางชั่ว จะไม่มีทางแก้ไขอะไรได้เลย บุญกุศลก็จะเข้ามาช่วยไม่ได้เพราะบาปนั้นปิดทางอยู่
เมื่อปิดทางชั่วแล้ว ขอให้น้อมนำบุญที่เราสร้างทั้งทาน  ศีล ภาวนา  เป็นการสร้างบุญบารมีใหม่ในชาตินี้ให้เป็นบุญของตนเองที่จะทำการให้ อภัยทาน แผ่เมตตา อุทิศส่วนบุญกุศลและเชื่อมส่งบุญให้ถึงกันเพราะถ้าเราไม่มีบุญเป็นของตนเองก็คงไม่อาจนำบุญที่ไหนไปเชื่อมและส่งต่อให้กับผู้อื่นได้

1.  สร้างอาชีพที่มั่นคงและไม่บาป
ในที่นี้อยากจะขอให้คุณผู้อ่านแยกระหว่างสองคำนี้ออกจากกันคือ อาชีพที่มั่นคงอย่างหนึ่ง และอาชีพที่ไม่บาปอีกอย่างหนึ่ง คำว่าอาชีพที่มั่นคงนั้นมีความหมายว่า เป็นอาชีพใดๆก็ได้ที่ทำแล้วสามารถมีรายได้มาหล่อเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้อย่างต่อเนื่องโดยที่แม้ว่าจะหยุดทำงานนั้นหรือพักงานนั้นไปบ้างก็ยังคงมีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่องไม่หยุด นี่คือความหมายของคำว่ามั่นคงในทางทรัพย์สิน ซึ่งในแง่ของความมั่นคงในด้านของรายได้นี้เป็นเพียง “ส่วนหนึ่ง” ที่พึงปฏิบัติเท่านั้น และที่สำคัญไม่มีใครสามารถหยุดทำงานไปเลยได้อย่างแท้จริง เพราะทุกคนต้องมีงานทำ เพื่อให้ชีวิตมีคุณค่าและมีชีวิตชีวา

แต่ ประเด็นสำคัญที่มากกว่าความมั่นคงก็คือ อาชีพนั้นต้อง “ไม่บาป” ซึ่งถือเป็นความมั่นคงและร่ำรวยอย่างแท้จริงที่จะทำให้เป็นสุขไปได้อย่างยาวนาน ไม่บาปในที่นี้หมายความว่าไม่ใช่แค่สุจริตเฉยๆ แต่ควรเป็นไปเพื่อประโยชน์ทั้งส่วนตนและส่วนรวม
โดยทุกอาชีพนั้นการประกอบอาชีพใด ๆต้องมีจรรณยาบรรณ คือมีศีลอยู่ในการควบคุมอาชีพนั้นอยู่แล้วเพื่อไม่ให้ไปสร้างความเดือดร้อนแก่สังคม เพราะแม้ว่าบางคนจะมีอาชีพเป็นถึงนายแพทย์ที่รับเงินเดือนสูง ๆแต่กลับใช้วิชาชีพเพื่อก่อความร่ำรวยในทางที่ผิดเช่นเป็น สูตินารีแพทย์ดูแลผู้ป่วยหญิงในโรงพยาบาลตอนเช้า ตกเย็นมาเปิดคลินิกรับทำแท้งแบบถูกกฎหมายก็ไม่เรียกว่า การสร้างอาชีพที่มั่นคงและไม่บาป อย่างนี้เป็นต้น

“สัมมาอาชีวะ” ในความหมายของพระพุทธศาสนา ไม่ใช่แค่อาชีพนั้นสุจริตแต่ในอาชีพนั้นยังสามารถทำให้เราพัฒนาจิตได้ด้วย เช่น ถ้าเราทำงานอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วทำให้เราลด ละ ความเห็นแก่ตัว ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น มีน้ำใจกับเพื่อนร่วมงาน ถึงแม้คุณเหนื่อย ไม่ได้รับการยอมรับ ไม่ได้รับการยกย่อง แต่เราก็ยังทำ เพราะมันเป็นสิ่งที่ดี ผลประโยชน์ไม่ได้เกิดขึ้นจากแค่งานที่ทำแต่กลายเป็นการละกิเลสออกจากใจได้ด้วย ถ้าเราสามารถทำงานอย่างมีสติการทำงานสร้างเงินก็ถือเป็นการปฏิบัติธรรมไม่ว่าจะเป็นงานที่ใช้แรงกายหรือแรงสมองก็สามารถพัฒนาจิตได้ทั้งนั้นคือสามารถ พัฒนาให้มีเมตตา กรุณา มีสมาธิ ลด ละความเห็นแก่ตัว ส่วนการพัฒนาปัญญาก็คือ เราใช้การทำงานเป็นโอกาสในการเข้าใจชีวิต เรื่องของการงาน มีทั้งความสำเร็จ ความล้มเหลว ทั้งลาภยศ สรรเสริญ และการเสื่อมลาภ เสื่อมยศ เราจะเข้าใจว่าวิถีแห่งโลกมันเป็นอย่างนี้เองต้องปล่อยวางให้ได้ ไม่ยึดติด ถือมั่นกับสิ่งใด

สิ่งสำคัญในการยึดถือปฏิบัติในทุกอาชีพก็คือ ใช้หลักอิทธิบาท 4 ในการทำงานทุกอย่าง แม้ว่างานนั้นจะไม่ใช่งานที่เราชอบก็ตาม เพราะ หากเราไม่สามารถทำในสิ่งที่ตัวเองรักได้ก็ควรเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ทำงานที่เราไม่ชอบ เพราะมันไม่ตรงกับความคาดหวังของเราซึ่งคนส่วนใหญ่เสียเวลาไปกับการตำหนิติเตียน น้อยอกน้อยใจหรือแม้แต่การตีโพยตีพายบ่นเรื่องเจ้านาย เรื่องเงินเดือน บ่นเรื่องเนื้องาน ฯลฯ

ขอให้เราลองวางมันลงลองปรับใจเสียใหม่ว่า ไม่ว่าจะเป็นงานประเภทไหน ให้ทำอย่างเต็มที่ ด้วยความตั้งใจ การทำงานจะมีความสุขมากกว่าเดิม ส่วนใหญ่ที่เราบ่นเรื่องงานด้วยความไม่ชอบใจ เพราะเรามีมาตรฐานบางอย่างในตนแล้วผลของเนื้องานหรือผลตอบแทนมันไม่เป็นไปตามนั้น เราควรเอาใจใส่กับงานที่ทำอยู่เฉพาะหน้าอยู่ตลอดเวลานอกจากทำให้งานดีขึ้นแล้วจะยังลดความไม่ชอบใจในงานนั้นได้อีกมากด้วย เรียกว่าหากต้องเจองานที่ไม่ถนัดหรือไม่ชอบก็ให้ยอมรับ แต่ไม่ใช่ยอมจำนน จึงจะเจริญก้าวหน้า

เราควรตั้งคำถามเรื่องงานอยู่เสมอว่าเราทำงานเพื่ออะไรอะไรคือคุณค่าสูงสุดของงาน ถ้าคำตอบคือการทำได้ประโยชน์สูงสุดให้กับเพื่อนมนุษย์แล้วเราปรารถนาที่จะทำอย่างเต็มที่ ให้ความเป็นตัวตนได้แสดงออกมาอย่างงดงามได้อย่างทรงพลังเรื่องเงินหรือรายได้ที่จะตามก็จะกลายเป็นเรื่องรองไปทันทีและสามารถสร้างอาชีพที่มีความสุขคือ มั่นคงและไม่บาปได้อย่างแน่นอน

2.  ค้นหาอาชีพที่จะทำให้เรารวยได้
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า ไม่ใช่แค่อาชีพสุจริตแต่อาชีพที่เราทำต้องทั้งสุจริตและมีความฉลาดในการหาเงินด้วยเหมือนการขุดถนน ที่ถ้าใช้จอบเสียมก็ใช้เวลานานกว่าจะสำเร็จแต่ถ้าใช้รถแบ็คโฮ มาช่วยขุดผลสำเร็จก็จะเกิดเร็วขึ้นมากกว่า ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันมากมายว่าอาชีพที่จะทำให้คนเราประสบความสำเร็จและร่ำรวยได้นั้น คือการเป็น “เจ้าของธุรกิจ” หรือ เป็น “นักลงทุน” ตามหลักการพิสูจน์ที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลกเรื่องของเงินสี่ด้าน เพราะคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจหรือนักลงทุนนั้นแม้จะหยุดทำงานแต่เขาก็สามารถมีรายได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้จะลางานไปเป็นปี ๆ เมื่อกลับมาทำงานต่อรายได้ก็ยังเกิดขึ้นเสมอ

แต่เพราะโลกแห่งความเป็นจริงคนเรายังไม่อาจจะเป็นเจ้าของธุรกิจหรือนักลงทุนกันได้ทุกคน แต่อย่างไรก็ตามทุกคนควร “ริเริ่ม” แนวคิดของการเป็นเจ้าของธุรกิจด้วยตนเองอยู่ตลอดเวลาแม้ในขณะนี้เราจะยังเป็นลูกจ้างประจำ,ข้าราชการ หรือ ผู้บริหารระดับสูงที่แม้เงินเดือนจะมากก็ควรคำนึงถึงเรื่องนี้ไว้เสมอ
การจะเริ่มต้นทำธุรกิจใด ๆเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ธุรกิจนั้นจะทำให้เราประสบความสำเร็จนั้นขอให้พิจารณาประเด็นหลักแรกที่สุดคือ “ธุรกิจนั้นต้องเป็นธุรกิจที่ก่อประโยชน์ให้กับผู้คนจำนวนมากและมีความหลากหลายให้มากที่สุด”


หากเราพิจารณาดูให้ดีจะเห็นว่า มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองไทยอย่าง เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ท่านได้เป็นมหาเศรษฐีร่ำรวยมหาศาลเช่นนั้นก็เพราะมีผู้ที่ได้ประโยชน์เป็นการสาธารณะมากคือ การเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคที่ใช้ในชีวิตประจำวันที่ทุกคนต้องซื้อกินซื้อใช้ ท่านจึงร่ำรวยและประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล ดังนั้นการจะมองว่าธุรกิจหรืออาชีพใดที่จะทำให้เรารวยได้ธุรกิจนั้นก็ควรเป็นประโยชน์แก่คนหมู่มากเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่มองว่าจะได้กำไรมากเป็นที่ตั้งเพราะการเน้นได้เงินได้กำไรมากเป็นความร่ำรวยแค่ฉาบฉวยไม่อาจจะสร้างความยั่งยืนได้

ข้อพิจารณาที่สอง
 ก็คือ ธุรกิจหรืองานที่เราจะลงไปทำนั้น เรามีความรู้ความถนัดและคุณสมบัติมากแค่ไหนโดยมีหลักพิจารณาตามแนวพระพุทธองค์ว่า พ่อค้าที่จะประสบความล้มเหลวและประสบความสำเร็จนั้นให้พิจารณาคุณสมบัติดังต่อไปนี้

พ่อค้าหรือเจ้าของธุรกิจที่ล้มเหลวในอาชีพ
คือไม่สามารถทำโภคทรัพย์ที่ยังไม่มีให้มีขึ้น และที่มีอยู่แล้วก็ไม่สามารถทำให้เจริญงอกเงยเป็นทวีคูณ แปลความว่า ยิ่งทำยิ่งขาดทุน ก็จะมีลักษณะความประพฤติ ไม่ว่าเวลาใด เช้า เที่ยง หรือเย็น ก็จะไม่จัดแจงการงานให้เอื้อเฟื้อเป็นประโยชน์ ก็คือมัวแต่เกียจคร้าน ไม่เอาใจใส่ในอาชีพของตน ไม่อุทิศกายวาจาใจให้งาน ไม่มีวิญญาณความเป็นเถ้าแก่ คนที่เป็นเจ้าของกิจการกลับมีวิญญาณเหมือนคนเป็นลูกจ้าง คือทำไปตามหน้าที่ สิ้นเดือนรับค่าจ้างตายตัว ถ้าเจ้าของกิจการทำตัวเหมือนลูกจ้างก็จะไม่มีวันประสบความสำเร็จ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น