สร้างเนื้อสร้างตัวด้วย 2 มือเรา

หนทางรวย เก็บของเก่าขาย
สร้างเนื้อสร้างตัวด้วย 2 มือเรา 

หนทางรวย วันนี้ ของอนุญาติยกตัวอย่างจากลุงแท้ๆของกระผมเอง
ลุงติ๊บ อาศัยอยู่ในอำเภอบ้านโฮ่ง จ.ลำพูน ลุงเป็นเป็นคนขยันครับ อาชีพเริ่มต้นก็ทำไร่ทำนาไปตามเรื่องนั้นแหละครับ ยากจน เงินเก็บไม่มี ทำงานแบบอาบเหงื่อต่างน้ำเลยทีเดียว อยู่มาวันหนึ่งลุงได้เห็นข้างๆบ้านเค้าค้าของเก่า รับเศษขวดบ้าง กระดาษบ้าง ไปขายที่โรงรับซื้อแถวหมู่บ้าน ลุงก็เริ่มทำตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผมเห็นเลยถามลุงประสาเด็กว่า "ลุงอายไหม ที่ต้องออกไปถามว่ามีของเก่าไหม ทุกบ้าน บางบ้านก็พูดดี  บ้างบ้านก็พูดไม่ดีใส่แบบลำคาญ จะมาถามอะไรนั้นหนา และผมก็ถามต่อไปว่าได้กำไรเพียงเป็นเศษไม่กี่สตางค์ ต่อของ 1 ชิ้น หรือ กิโล แต่ก็หน้ายิ้มๆ แล้วบอกว่า หลานจำไว้นะ "คนเราอย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา" ผมก็ฟังๆไปงั้นแหละเพราะไม่เข้าใจยังเด็กอยู่ แก่ก็ทำของแก่ไปเรื่อยๆ ช่วงไหนลุงช๊อตซื้อเข้ามามากระบายไม่ทันลุงก็มายืมที่บ้านของผม ช่วงนั้นบอกตามตรงชาวบ้านดูถูกมาก เพราะลุงเล่นไม่หลับไม่นอน เคาะตี เหล็ก อลูมิเนียม เศษแก้วของแก่ทั้งคืน บ้านแก่อยู่กลางหมู่บ้าน จนชาวบ้านร้องเรียนและขับไล่ ลุงเครียดมากเพราะไม่รู้จะย้ายไปไหน จนลุงต้องไปซื้อที่นอกหมู่บ้านไกลเชียว ได้ยินไปกู้ ธนาคารด้วย ที่นี้ลุง นำเศษไม้จากบ้านหลังเก่าไปสร้างใหม่ กู้เงินส่วนหนึ่งมาซื้อรถยนต์ จนเราไม่ค่อยได้เจอกันผมย้ายไปอยู่เชียงใหม่ เรียนด้วยทำงานด้วย นานเลยครับ
ผ่านไป 10 ปี แม่เจ้าผมกลับไปเยี่ยมบ้าน ลุงแก่เล่นปลูกบ้าน ที 4-5ล้าน ซื้อที่ที่เช่าเป็นของตัวเองซื้อรถปาเจโร่ สปอร์ตตัวใหม่ 1 คัน มีที่ดินปลูกสวนมะม่วงอีก กว่า 40-50 ไร่ ผมงง ทำได้ไง???
แก่เล่าฟังว่า ช่วงแรกลุงก็ซื้อของเก่าธรรมดานี้แหละ แต่หลังๆมีคนรู้จักมากขึ้น ลุงจึงรับซื้อเอง ขยายโกดังรับซื้อของเก่า พอได้ปริมาณมากก็ไปขายโดยตรงไม่ผ่านคนกลาง ได้กำไรมากขึ้น พอเงินเหลือลุงก็ไป ซื้อที่สวนมะม่วงที่มะม่วงที่เขาปลูกไว้โตแล้ว ดูแลนิดหน่อยมะม่วงก็ออกผลเร็ว ซื้อปุ๊บออกผลปั๊บ ทันใจ เก็บได้ราคา ได้รายได้อีกทาง พอได้กำไรบวกมะม่วง แก่ก็เอาไปต่อทุนซื้อสวนมะม่วงเพิ่มอีก ๆ ไปเรื่อยๆ จนนับแถบไม่ไหว นี้คงเอาเงินต่อเงินมั้ง แก่บอก จนมีช่วงหนึ่งแก่ไปสมัครเป็น อบต. ได้อีก มีเงินเดือนกับเขาด้วย ชีวิตที่เคยลำบากก็พื้นและพุ่งอย่างรวดเร็ว คงต้องขอบคุณของเก่า เจ้าชายเศษขยะที่คนหลายคนมองไม่เห็นค่านี้ ได้สร้างคนคนหนึ่ง และกระจายงานไปอีกหลายคน
ตอนแก่สร้างบ้าน แก่บอกสร้างอยู่หลายปีกว่าจะเสร็จ มีคนถ้าว่าแก่ ตำหนิดูถูก ว่าไปสร้างทำไมใหญ่โต โอเวอร์ แก่ก็ไม่สนใจแก่บอกว่านี้คือหลักฐานและน้ำพักน้ำแรงของลุงล้วนๆ มองดูบ้านดูรถทีไร มันมีความสุข บอกไม่ถูก
สุดท้ายก่อนผมกลับเราได้สนทนาสั้นๆ ลุงบอกว่า หลานถ้าอยากรวยและก้าวแบบก้าววกระโดดต้อง
1.ต้องหารายรับแบบรายปี
2.ต้องหารายรับแบบรายเดือน
3.ต้องหารายรับรายสัปดาห์
4.ต้องหารายรับแบบรายวัน
ซึ้งตอนนี้ผมก็กำลังหาอยู่ แต่ยังไม่ครบ รายวันมีแล้ว รายเดือนก็มีแล้ว เอ๋รายปีกับสัปดาห์ อะไรดีนะ ??


อาชีพสุดฮิตสู่หนทางรวย และ อิสระภาพทางการเงิน

อาชีพสุดฮิตของวัยรุ่น สู่หนทางรวย และ อิสระภาพทางการเงิน

1.แม่ค้าออนไลน์ 

   ตามกระแสไม่มีตก รำ่รวยกันแหลกราญ กับรายได้ไม่จำกัด มีเพื่อนเยอะก็ขายของได้เยอะ ขายของผ่านช่องทางSocial network ทั้ง เฟสบุค ทวีตเตอร์ ไลน์ อื่นๆ เพื่มเพื่อนก็คือการเพิ่มลูกค้า โอกาศที่มากขึ้นการขายของไม่ใช่การขายตามตลาดนัดอีกต่อไป แต่เป็นตลาดออนไลน์ ขายได้สาก กระเบือ ยันเรือรบ 

2.เทรดเดอร์ 
  อันนี้ค่อนข้างใหม่ บัจจุบัน ทางธนาคารหลายธนาคารเอาใจลูกค้า ที่ไม่มีเงินหนา เริ่มตั้งลงทุนเพียง 5000 บาท ก็ลุยตลาดหุ้นได้แล้ว อันนี้ขึ้นอยู่กับชั่วโมงบิน เคล็ดลับ ไม่มีอะไรมาก ศึกษาจากผู้ที่ประสบความสำเร็จ ซื้อหนังสือมาอ่านให้มาก เทรดแบบ จำลองก่อน มั่นใจก็ลุยเลยครับ

3.ทำแบบสอบถาม Survey.
 อันนี้เห็นมีมานานแล้ว แค่ไปรับจ้างจากบริษัท ที่โพสตาม internet ค่าจ้างอยู่ที่ชิ้นงาน จะ 50-200 ตามแต่ตกลงขึ้นมา คุณพร้อมออกไปสำรวจกันหรือยัง

4.ขายของกับ Ebay
 อันนี้คล้ายว่าเราคือ drop shipping เหมือนกันนะ เรามีแหล่งผลิต ต้นทุนต่ำ สินค้าในท้องถิ่น หรืออะไรก็ได้ ที่คนต้องกิน ต้องใช้ ขายไอเดีย ก็มี มาลงใน Ebay เมื่อมีลูกค้ามาสนใจและจ่ายเงินกับทาง ebay ระบบก็จะแจ้งเราว่ามีคนมาซื้อแล้วนะ เขาจะคิดค่านานหน้านิดหน่อย แล้วเราก็สั่งโอนเงิน ทาง pay pal ให้โอนเงินเข้าธนาคารเป็นจบ OKEY

5.

ปลดหนี้คือจุดเริ่มต้นหนทางรวย

ปลดหนี้แล้วรวย

  เมื่อครั้งผมเริ่มทำงานเมื่อ 10 ปีก่อน ในฐานเงินเดือนเพียง 7000 บาท ตอนนั้นก็ดีใจแล้ว ทำไปมาได้สักพัก เกิดความอยากขึ้นมาแบบวัยรุ่น เห็นเขามีโทรศัพท์ อยากมีบ้างตอนนั้น NOKIA ออกรุ่นใหม่เลย รุ่น 3310 มีใครเคยได้ใช้บ้าง แฮะๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อน 3310(ตอนนี้เหลือไม่กีร้อยแล้วมั้ง) ใครมีบอกตามตรงเท่มาก ตกราคาอยู่ที่ 8 พันกว่า ไม่รู้ทำไงไปทำบัตร เคดิตครับเป็นบัตรผ่อนสินค้า สรุปคือนั้นคือหนี้ก้อนแรกคือมือถือ  พอมาได้สักพัก ก็ผ่อนไปเรื่อยจนใกล้จะหมด ทางบัตรเคดิตแจ้งจะทำบัตรกดเงินสดไหม ผมไม่รอช้าทำเลยครับอัพ เวลสักหน่อย วงเงินมากขึ้น แถมมีเงินสดที่ กดเมื่อไหร่ก็ได้ ใช้เพลินเลยครับ ใช้จนวงเงินเต็ม ทีนี้ทำไง อยากได้นั้นได้นี้อีกล่ะ ก็ไปสมัคร บัตรเคดิต บตรผ่อนสินค้า บัตรกดเงินสด รวดเดียว 5 บัตรเลย ฟังดูเวอร์ไหมครับ ไม่เวอร์ครับ เพราะเค ดี ได้บัตรล่ะ 30000 บ้าง 40000บ้าง ใช้มันเลยครับ
หลังๆนี้อยากได้บ้านกับรถยนต์ เพราะคิดว่า ลำบากตอนหนุ่มแน่น หนุ่มน้อย แรงงยังเหลือเยอะ ซื้อหมดเลยครับ ได้หนี้ก้อนโต ทั้งปัจจุบันและยังมาไม่ถึง รวมกันหลายล้านบาท จากจุดเริ่มต้นเพียงบัตรเดียว มาได้ไง หนี้บานเลยงง ทำไงล่ะครับ ลำบากตอนหนุ่มสมใจนึก 555 ด้วยเงินขนาดนี้ งานเดิมคงไปไม่รอด ผมก็มองหางานใหม่ ทำ ที่เงินดีเป็น 3 เท่า ไม่น่าเชื่อ ยังไม่พอครับ ชักหน้าไม่ถึงหลัง ดึงบัตรนั้น ปิดบัตรนี้ วุ่นไปหมดเมื่อเงินเดือนออก
  เพื่อนๆเคยเจอเหมือนกันไหมครับ ไอ่ครั้นจะทำงานพิเศษ งานประจำเงินดีจริงแต่มันดึงเวลาไปหมด เหยียบเรือสองแคม มันก็ไม่ไหว จะใช้ปัญชญา มหาเศรษฐีหลายท่าน อันเราก็ขี้เกียจเต็มขั้น แบบมนุษย์เงินเดือนทั่วไป ทำไงดีล่ะ????
  ผมเลยกลับมาคิดว่า ทางเลือกของเรามีน้อย จะถอยก็ไม่ได้เดียวโดนยึด จะหนี้ก็ติดแบคลิต อุสาทำตั้งนาน  
  ผมหันมาดูรายจ่าย ประจำวัน ประจำเดือน รายจ่ายต่างๆนาๆ มาแยกดู พบว่า ผม จ่ายไปเกือบ 90%ของเงินเดือน แต่ผมสามารถหมุนเงินไปใช้ ฟุ่มเฟือย ต่างๆนาๆ ได้ ออ แปลก เพราะผมนำวงเงินที่เหลือ จากบัตรต่างๆดึงมาใช้หมุนเวียนต่อ ก็เป็นหนี้เท่าเดิม แถมดอกยังหนักอึ้งใช้ได้
  สรุปปัญหาคือ
1.ดึงเงินจากวงเหลือของบัตรมาใช้ ทำให้มีหนี้ที่ไม่มีวันหมด
2.ยังสังสรรค เฮฮา ปาร์ตี้ ก็หมดเงินกับส่วนนี้ไปเยอะ เหมือนกัน(ไร้สาระ)
3.ไม่รู้จักคุณค่าของเงิน มีเงินในมือไม่ได้เก็บไม่อยู่ ผลาญจนหมด หลายรูปแบบ

วิธีแก้ไข
1.ไม่ดึงเงินจากบัตรเคดิต มาใช้อีก จ่ายแล้วจ่ายเลย ถ้าไม่มีใช้จริง ให้เหลือเพียงบัตรเดียว นอกนั้น เก็บ
ให้หมด
2. งดกิจกรรม ผลาญเงินเรา ทั้งหมด ไปบ้างที่จำเป็นเท่านั้น
3. รู้จักคุณค่า ของเงิน เงินทุกบาทมีค่า

แค่นี้เชื่อไหมครับ ผมใช้เวลาอยู่เกือบ 3 ปีหนี้เกือบหมด เพราะ
1.ผมจ่ายบัตรที่ดอกแพงสุดก่อน จ่ายมากกว่าขั้นต่ำไปและไม่กดมันออกมาใช้อีก
2.ผมเหลือบัตร กดเงินสดเพียงบัตรเดียว เพื่อใช้ในยามจำเป็น ( เพราะเริ่มแรกถ้าเราไม่มีบัตรเลยสักเบาเราช็อตตายแน่)
3.1ปีผ่านไปเห็นผลเร็วมาก วงเงินบัตรต่างๆ กลับมาเกือบเต็มหมด ทีล่ะบัตร(เพราะผมจะจ่ายทีล่ะบัตรแบบไม่เอาออกมาใช้เลย)
  ทุกวันนี้หนี้ผมบางมาก จนเงินเดือนผม เหลือเก็บในบัญชี พอที่จะทำสูตร แบบ เก็บ 1 ส่วน ลงทุน 2 ส่วนได้อีก ดีใจจัง
ทุกอย่างต้องใช้เวลาครับ ผมไม่เก่งในการหารายได้พิเศษ แบบหลายราย ผมเลยต้องมาบีบ เงินเดือนตนเอง
นี้เป็นเพียงแนวทางหนึ่งเท่านั้น หวังว่าคงมีประโยชน์กับเพื่อนทุกคนครับ สวัสดี ครับ

หนทางรวย ของอาลีบาบา "แจ็ค หม่า" สู่อันดับมหาเศรษฐี??

จากอาชีพครู สู่อันดับมหาเศรษฐี!

ในอดีต... ประวัติการทำงานของ แจ็ค หม่า เริ่มต้นจากการเป็นครูสอนภาษาที่มีรายได้ราว 15 เหรียญ หรือเพียง 500 บาทต่อเดือนเท่านั้น! แต่ปัจจุบันเขาคือชายชาวจีนที่มีฐานะร่ำรวยที่สุด และยังติดอันดับ 1 ใน 50 มหาเศรษฐีของโลกอีกด้วย

ใฝ่ดีเรียนรู้...
ตามประวัติของแจ็ค หม่า ในสมัยเด็กนั้น เขาไม่เก่งคณิตศาสตร์แต่กลับสนใจเรียนภาษาอังกฤษเป็นอย่างมาก ถึงขนาดขี่จักรยานนานกว่า 40 นาที เพื่อเดินทางไปเตร่อยู่แถวๆ โรงแรม เพื่อหานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นคู่สนทนา หรือเสนอตัวเป็นไกด์ให้แก่คู่สนทนาเหล่านั้นโดยถือเป็นการฝึกซ้อมภาษาอังกฤษ หลังจากนั้น เขาก็ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยและมุ่งมั่นจะเป็นครูสอนภาษา แม้จะต้องใช้ความพยายามในการสอบมากกว่า 1 ครั้ง แต่ท้ายที่สุดเขาก็ทำได้!

อดทนและแข็งขัน จนเข้าใกล้ความสำเร็จ
หลังจากเรียนจบ... แจ็ค หม่า ใช้เวลากว่า 5 ปี ในการสวมบทบาทเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ กับเงินเดือนอันน้อยนิดที่เขาได้รับ แต่โอกาสเริ่มต้นขึ้นในปี 2538 ที่เขาได้เดินทางไปเยี่ยมเพื่อนที่ซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา ซึ่งเขาได้มีโอกาสลองใช้อินเทอร์เน็ต และลองค้นหาคำว่าเบียร์ (Beer) ทำให้พบว่าไม่มีผลการค้นหาใดๆ ที่มาจากจีน

เริ่มต้นไม่หรูหรา แต่พยายามเดินตามฝัน
หลังจากนั้น เขาได้ก่อตั้งเว็บไซต์ "China Pages" ซึ่งยังไม่ประสบความสำเร็จในช่วงแรก จนกระทั่งปี 2542 เขาได้รวมกลุ่มกับเพื่อน และก่อตั้งธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในนาม "อาลีบาบา" ด้วยเงินทุนประมาณ 2 ล้านบาท โดยชื่อดังกล่าวนั้นเขาเป็นคนตั้งขึ้น เนื่องจากเป็นคำที่เลือกแล้วว่าคนทุกชาติทุกภาษาจะสามารถออกเสียงได้โดยง่าย

หาเป้าหมาย... ให้เหมาะสม
แจ็ค หม่า เคยกล่าวไว้เมื่อปี 2542 กับพนักงานของเขาว่า เป้าหมายของอาลีบาบาคือการแข่งขันกับบริษัทในซิลิคอนวัลเล่ย์ อาลีบาบาจะต้องแข่งขันกับบริษัทในระดับโลกไม่ใช่แค่ในประเทศจีน พนักงานจำเป็นต้องพัฒนาตนเองด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ และเทียบเท่าพนักงานในบริษัทไอทีที่ซิลิคอนวัลเล่ย์ ส่วนคู่แข่งด้านอี-คอมเมิร์ซอย่างอีเบย์นั้นเปรียบเป็นฉลาม ส่วนอาลีบาบาเปรียบเป็นจระเข้ ซึ่งสัตว์ทั้ง 2 ประเภทมีถิ่นฐานที่อาศัยแตกต่างกัน นั่นจึงสื่อได้ถึงความถนัดและตลาดที่แตกต่างกันของทั้ง 2 บริษัท

ยอมรับความผิดพลาดและเรียนรู้
เขาเป็นผู้ที่พร้อมจะยอมรับความผิดพลาด ซึ่งเขาเคยกล่าวว่าอยากเขียนหนังสือชื่อ 1001 ความผิดพลาดของอาลีบาบา อันเนื่องมาจากการขยายธุรกิจเร็วเกินไป จนทำให้ต้องปลดพนักงานเป็นจำนวนมาก ในช่วงปี 2545 อาลีบาบาเคยเหลือเงินสดที่พอจ่ายเงินเดือนแก่พนักงานอีกแค่ 18 เดือน จากเหตุเพราะมีแต่คนใช้บริการฟรี ทำให้บริษัทไม่มีรายได้เพียงพอ

ความสำเร็จที่กำลังพุ่งทะยาน!
ปัจจุบัน อาลีบาบามีสมาชิกเกือบ 30 ล้านคน สามารถสร้างให้เกิดการซื้อขายได้กว่า 200 ประเทศ จากจำนวนสินค้าเกือบ 6,000 รายการ

สยายปีก... สู่ธุรกิจอื่น
นอกจากการดำเนินธุรกิจในชื่อ อาลีบาบา ยังมีเว็บไซต์ลูกและธุรกิจรูปแบบอื่นอีกหลากหลาย ซึ่งล้วนแต่มีชื่อเสียงในระดับโลก เช่น Taobao.com , Aliexpress.com , 1688.com , Aliyun.com , Alipay.com เป็นต้น

ยืดติดเงินทองเพียงอย่างเดียว!
หลังจากประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น รวมถึงความสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและการศึกษาแล้ว แจ็ค หม่า ยังหันมาทำประโยชน์ต่อสังคมในภาพรวมแทนการทำกำไรให้ธุรกิจแต่เพียงอย่างเดียว! โดยเฉพาะปัญหามลภาวะและสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งของจีน

คุณได้เรียนรู้อะไรจากวิถีชีวิตของ แจ็ค หม่า และการเดินทางของเว็บอาลีบาบา บ้างหรือไม่? ความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นจากก้าวเดินที่ยิ่งใหญ่และเส้นทางที่สวยงาม จงเรียนรู้กับความยากลำบาก อดทน และพยายามอย่างหนัก เพื่อต้อนรับความสำเร็จในอนาคต...!
เคดิตข้อมูล จาก
http://www.thairath.co.th/content/452259