ตัวอย่างของผู้ที่มีหนทางรวยโดยสร้างหนทางรวยเอง

สมมุติว่าในปี ค.ศ 1965 ถ้าคุณมีเงินอยู่ 10,000 เหรียญ และลงทุนแบบเดียวกับบัฟเฟตท์ เชื่อไหมว่าในปีนี้คุณจะมีเงินทั้งหมด 51 ล้านเหรียญ ทวีคูณได้ขนาดนี้เงินล้านก็หาไม่ยากอย่างที่คิดแล้ว

วอร์เรน บัฟเฟตท์ นักลงทุนในหุ้นผู้คุมบังเหียนตำแหน่ง Chairman and chief executive of Berkshire Hathaway Inc. ซึ่งขณะนี้มูลค่าสินทรัพย์กว่า 30,000 ล้านเหรียญ แต่ก็ยังใจกุศลยื่นเงินให้มูลนิธิต่างๆ อยู่ตลอดเวลา และทำตัวติดดินไม่ฟุ้งเฟ้อเหมือนเศรษฐีใหม่บางคน

วิธีของวอร์เรน บัฟเฟตท์ คือ...

ซื้อขายหุ้นให้เหมือนเป็นบริษัทของตัวเอง  แต่ถ้าคุณคิดว่าจะซื้อขายแบบรวดเร็ว นั่นอาจจะไม่ใช่การลงทุนแต่เป็นการพนันต่างหาก
ลืมเรื่องเทคนิค กลยุทธ์ หรือการวิเคราะห์จากกูรูต่างๆ  เพราะมันสามารถใช้เป็นเครื่องมือในช่วงสั้นๆ เท่านั้น ทำให้นักลงทุนบางคนลืมรากฐานของบริษัท และซื้อขายจากการวิเคราะห์เพียงอย่างเดียว
อดทนเล่นหุ้นระยะยาวดีกว่าการลงทุนระยะสั้น เพราะทำให้เม็ดเงินเติบโตได้มากกว่า อีกทั้งยังได้ลดภาษีและมีรายได้ต่อเนื่อง ต้องกล้าขายในช่วงที่ราคาเหมาะสม อย่าหวังว่าราคาจะสูงกว่านี้อีก
ถ้ามัวแต่พึ่งรายได้ทางเดียว ควรมีรายได้อย่างที่สองเพื่อค้ำจุนชีวิตไว้บ้าง อย่างเช่น การลงทุน
อย่าหาเงินจากตลาดหุ้นปัจจุบัน แต่ซื้อการคาดคะเนจากตลาดหุ้น ล่วงหน้าเป็นเวลา  5 ปีต่างหาก  
Quote : วอร์เรน บัฟเฟตท์

ผมรู้มาตลอดว่าต้องเป็นคนรวย เรียกว่าไม่มีสักนาทีที่สงสัยเลย เพราะผมมีกฏอยู่ 2 ข้อ 1. ห้ามเสียเงิน 2. ห้ามลืมกฏข้อที่ 1






บิล เกตส์ ผู้ถือหุ้นหลักของบริษัท ไมโครซอฟท์ คอร์เปอร์เรชั่น จำหน่ายลิขสิทธิ์และซอฟแวร์ขายปลีก
รายใหญ่ที่สุดในโลกมีรายได้กว่า 50,000 ล้านเหรียญ จากอดีตนั้นเป็นแค่เด็กมหาวิทยาลัยธรรมดาบ้าคอมพิวเตอร์ แต่มีความคิดสร้างสรรค์ในการทำซอฟแวร์ออกขาย และโชคดีที่ได้ลูกค้ารายแรกที่ชื่อว่า IBM งานนี้รวยไม่รู้เรื่อง

วิธีของบิล เกตต์คือ  

ห้องทำงานของบิล เกตต์ ใช้อีเมลล์ในการสื่อสารเท่านั้น และไม่ใช้กระดาษบนโต๊ะทำงานเลย เวลามีไอเดียอะไรก็จดไว้ที่ Tablet PC เท่านั้นไม่เปลืองทรัพยากร
ปฏิเสธเงินก้อนใหญ่แบบขายขาดแต่เรียกเก็บเงินเป็นค่าลิขสิทธิ์แทน เพราะมองเห็นว่าคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลกำลังจะเปลี่ยนโลก
เมื่อเริ่มทำธุรกิจต้องมองไปที่ศตวรรษหน้า และผู้นำควรยินดีที่จะมอบอำนาจให้คนอื่นๆ อย่างเช่น มอบตำแหน่งประธานบริหารให้ สตีฟ บาลเมอร์ โดยตนเองนั้นเกษียณอายุก่อนกำหนดเพื่อดูแลมูลนิธิ Bill & Melinda Gates Foundation
ใช้ความมั่นใจของตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม และกล้าต่อรองกับบริษัทยักษ์ใหญ่ ในขณะที่ตัวเองเป็นเพียงนักศึกษา






โดนัลด์ ทรัมป์เป็นลูกคนรวยแห่งนิวยอร์คที่สร้างปรากฏการเก่งเหนือพ่อ สามารถ

ทวีคูณทรัพทย์สินได้ไม่หยุดยั้ง หรืออาจจะเป็นเพราะความโชคดีที่พ่อของเขาพาไปดูพื้นที่และ

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากกว่าให้ดูทีวีอยู่กับบ้าน

โดนัลด์ ทรัมป์ประสบความสำเร็จสูงสุดเมื่อนำเอาพื้นที่เสื่อมโทรมบริเวณเกาะแมนฮัต

ตัน นิวยอร์ค มาทำเป็นอาคารออฟฟิตและที่พักอาศัย จนทำให้ละแวกนี้ราคาที่ดินพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทรัมป์ชอบมองหาพื้นที่หรือตึกเก่าๆ มาบูรณะพัฒนาให้ดูดีทันสมัย และขายออกไปในราคาที่ได้กำไร ซึ่งตอนนี้มีมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 2,900 ล้านเหรียญ

โดนัลด์ ทรัมป์คือ

ให้มองหาโอกาสทางธุรกิจเสมอ ไม่ว่างานนั้นคุณจะถนัดหรือไม่ก็ตาม
ถ้าเป็นไปได้ให้เอาชื่อของคุณเข้าเป็นแบรนด์ของบริษัทเพื่อให้คนจดจำ และเชื่อมั่นในธุรกิจแม้ว่าคุณจะไม่ได้บริหารแล้วก็ตาม
การลงทุนในอสังหาริมทรัพท์ไม่มีวันล้าสมัย แต่ว่ามันก็มีความเสี่ยงได้เช่นกัน ซึ่งคุณต้องพัฒนาแล้วมันจะเป็นธุรกิจที่ปลอดภัยกว่าเดิม
ออกสื่อให้เยอะเพราะคนจะจำคุณได้พอๆ กับจดจำธุรกิจของคุณเอง
ถ้าคุณเป็นคนในวัยทำงานอย่าว่าตัวเองว่าทำไมยังไม่รวย แต่ให้ขอบคุณว่าตนเองนั้นยังมีชีวิตอยู่ และให้กำลังใจตัวเองแล้วสร้างเงินล้านแก่ตัวเองให้ได้


Quote : โดนัลด์ ทรัมป์

 ทุกคนต้องมีความกลัว แต่การศึกษาเป็นอย่าแก้ความกลัวขนานเอก

ตัวอย่างของผู้ที่มีหนทางรวย โดยสร้างหนทางรวยเอง

นักธุรกิจหนุ่ม(ไม่)แน่นชาวฝรั่งเศสผู้มีทรัพย์สินประมาณ 16,500 ล้านเหรียญ ถือว่า

ร่ำรวยที่สุดในทวีปยุโรป  และนิตยสาร Time ก็จัดอันดับให้อยู่ใน 100 คนผู้ทรงอิทธิพลด้วย

                เราอาจจะไม่คุ้นกับชื่อเสียงของเขานัก แต่ถ้าบอกว่าเป็นผู้ถือหุ้นหลักของ หลุยส์ วิตตอง คริสเตียน ดิออร์ จิวองชี่ พราด้า ฯลฯ หรือเรียกอีกอย่างว่า Moet Hennessy Louis Vuitton โดยเขากว้านซื้อแบรนด์ดังที่มีศักยภาพแต่ไร้ความสามารถทางด้านบริหารมาไว้ในกำมือเสียเอง และพัฒนาสินค้านั้นให้ทันยุคทันสมัยมากขึ้น จนฮอตฮิตติดลมบนอีกครั้ง


วิธีของแบร์นาร์ด อาร์โนลต์

สิ่งสำคัญที่สุดของธุรกิจของแบรนด์เนมคือการควบคุมคุณภาพให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ ความทนทาน และการใช้งานที่ดีที่สุด
อย่าไปยึดติดเหมือนคนอื่น แบรนด์ต่างๆ ของกลุ่มผลิตในประเทศฝรั่งเศสและอิตาลีและส่งไปขายในประเทศจีน ค่อนข้างตรงกันข้ามกับคนอื่นบนโลกนี้
ธุรกิจที่ดีคือการรวมเอาความคิดสร้างสรรค์ กระบวนการผลิตที่ล้ำเลิศ และการจัดการที่เยี่ยมยอด ก็จะทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกได้ง่าย ใครจะรู้ว่าหลุยส์ วิตตองจะขายกระเป๋าถือได้ดีที่สุด ทั้งๆ ที่เติบโตมาจากกระเป๋าเดินทาง
สินค้าคุณภาพดีเท่านั้น ที่ดึงลูกค้ากลุ่มคุณภาพดีมาหาเราได้  


Quote : แบร์นาร์ด อาร์โนลต์  

การหาไอเดียดีๆ มาพัฒนาสินค้า ไม่ใช่การลงทุนที่ใหญ่โตอะไรเลย




ลี กา ชิง มีทรัพย์สินมูลค่า 16,000 ล้านเหรียญ จากธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมรายใหญ่ สถานีโทรทัศน์ ท่าเรือขนส่ง บริการอินเตอร์เน็ต อสังหาริมทรัพทย์ ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วเขาเป็นคนต่อสู้ชีวิตอย่างมากเพราะต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน มาเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนพ่อที่เสียชีวิต บากบั่นมานะจนกลายเป็นคนที่รวยที่สุดของเกาะฮ่องกง จนได้ชื่อว่า ซุปเปอร์แมนหลี่  

วิธีของลี กา ชิง    

คนที่จะเป็นเจ้าของเงินล้านต้องผ่านความยากลำบากแบบเลือดตาแทบกระเด็นกันทุกคน อย่าหวังว่าเงินจะลอยมาแบบสบายๆ อย่างลี คา ชิง เริ่มต้นจากธุรกิจดอกไม้พลาสติก
เมื่อคุยกับลูกค้าต้องรักษาคำมั่นสัญญาและความซื่อสัตย์เอาไว้เป็นที่หนึ่ง ไม่อย่างนั้นใครจะให้เงินแก่คุณ
เช่นเดียวกับโดนัลป์ ทรัมป์ เมื่อลี กา ชิง มีเงินก้อนก็ได้ซื้อที่ดินที่ราคาไม่แพงและความเสี่ยงต่ำเอาไว้ มันทำกำไรได้งอกงามมากจริงๆ แม้ขณะนี้ก็ยังซื้อที่ดินในประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง
เก็บเงินตอนเศรษฐกิจขาขึ้นและลงทุนยามเศรษฐกิจตก ซึ่งสำหรับตอนนี้ใครที่อยากรวย
 คุณต้องจับจ้องยุคฟองสบู่แตกของจีน แล้วราคาหุ้นจะตกลงมาในราคาที่รับได้แล้วค่อยช้อนซื้อ แต่ถ้าคุณจะลงทุนในตอนนี้เลยให้ศึกษาหุ้นตัวนั้นให้มากจะดีกว่า
Quote : ลี กา ชิง
อย่าหยุดที่จะหาความรู้ใหม่ๆ ดูเศรษฐกิจโลกและการเมืองให้รอบๆ และวิ่งนำสังคมที่คุณยืนอยู่

หนทางรวย ทำได้ง่ายๆ

หนทางรวย ทำได้ง่ายๆ



1.เช็คดอกเบี้ยธนาคาร

หมั่นตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันของทุกธนาคาร และตรวจสอบให้แน่ใจว่าธนาคารไหนที่ได้รับอัตรดอกเบี้ยที่ดีที่สุด



2. ขายสิ่งที่ไม่จำเป็น

เราเชื่อว่าทุกคนมีของที่ดีๆแต่ไม่เคยใช้หรือไม่จำเป็น อยู่ที่บ้านอย่างแน่นอน ทางที่ดีควรที่จะกำจัดของพวกนั้นโดยการเอามาขายเพื่อเก็บเงินไว้ใช้สำหรับอนาคต



3. ทานข้าวที่บ้าน

หยุดการออกไปทานอาหารนอกบ้านได้จะเป็นอะไรที่ดีมาก คุณจะประหยัดได้ในหลายๆทาง ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหารหรือค่าน้ำมัน วิธีที่ดีคือทำอาหารทานเองที่บ้านจะประหยัดที่สุด



4. ซ่อมแซมสิ่งของ

ถ้ามีของใช้ชำรุดภายในบ้าน ลองหัดซ่อมแซมสิ่งของให้กลับมาใช้ได้ดีเป็นปกติด้วยตัวคุณเอง ดีกว่าที่ต้องเสียเงินในการซื้อสิ่งของชิ้นใหม่มาแทนที่ ทั้งไม่เสียเวลาหาซื้อของชิ้นใหม่และไม่เสียเงินด้วย



5. ไม่พกเงินติดตัวเยอะ

อย่าเอาเงินติดตัวไปเยอะถ้าหากคุณไม่ได้มีจุดประสงค์จะซื้ออะไรอยู่แล้ว ให้พกไปเล็กน้อยกันเหนียว ว่าถ้าคุณต้องซื้ออะไรที่จำเป็น หรืออย่างแย่ที่สุดคือพกเงินติดตัวไป แต่ทิ้งบัตรเครดิตเอาไว้ที่บ้านซะ


6. พกอาหารกลางวันไปทานที่ออฟฟิศ

ลองคำนวนค่าอาหารกลางวันของแต่ละสัปดาห์ คุณอาจจะเสียเงินไปเยอะกับสิ่งนี้ แนะนำให้เตรียมอาหารมาเองจากบ้านเพื่อเป็นการประหยัดเงิน และยังได้ทานอาหารที่สะอาดจากฝีมือตัวเองอีกด้วย



7. ทำอาหารไว้เยอะๆแล้วแช่แข็งเอาไว้

การทำอาหารเอาไว้เป็นหม้อใหญ่ๆแล้วแช่แข็งไว้แบบนี้มีข้อดีคือคุณอยากจะทานเมื่อไหร่คุณก็แค่หยิบออกมาอุ่นแล้วทานได้เลยไม่จำเป็นต้องออกไม่ซื้อ หรือเตรียมอาหารทำใหม่ให้เสียเงิน



8. ชำระค่าบริการต่างๆออนไลน์

ทำไมคุณต้องเสียเงินค่าน้ำมันรถเพื่อขับไปจ่ายเงินด้วยหล่ะ? คุณสามารถจัดการสิ่งเหล่านี้ผ่านทางอินเตอร์เนตได้ ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ แต่คุณต้องดูแลรหัสผ่านบัญชีออนไลน์ของคุณ ให้ปลอดภัยด้วยนะ



9. หากิจกรรมที่ไม่จำเป็นต้องเสียเงินทำ

ถ้าสิ่งที่ทำให้คุณมีความสบายใจทำได้คือธรรมชาติ คุณน่าจะลองมาเดินเล่นสวนสาธารณะแถวๆบ้าน เพราะนอกจากจะทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติแล้วกิจกรรมกลางแจ้งจะทำให้สุขภาพทางร่างกายของคุณดีขึ้น




10. ล้างรถด้วยตัวเอง

เมื่อมีรถขับ คุณต้องเสียค่าน้ำมัน แล้วทำไมยังต้องไปเสียเงินค่าล้างรถด้วย มันเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้คุ้มค่าเลยทั้งๆที่คุณก็สามารถล้างรถได้ด้วยตัวเอง
ข้อดีของมันคือ คุณจะรู้ว่ารถคุณเป็นรอยตรงไหนบ้าง แถมยังได้ออกกำลังกายด้วยนะ

 ข้อมูลจาก
http:// sanook.com

7 คุณสมบัติที่นำไปสู่หนทางรวย

7 คุณสมบัติที่นำไปสู่หนทางรวย

1. มีเป้าหมายตลอดเวลา
     บุคคลที่จะประสบความสำเร็จได้ต้องมีเป้าหมายในชีวิตเสียก่อน ผู้ใดขาดเป้าหมายก็ดั่งเรือไม่มีสมอ ลอยไปลอยมา ปล่อยเวลาผ่านไปวันๆ ไม่รู้พรุ่งนี้่ วันนี้ ชั่วโมงนี้จะทำอะไรดี มีหน้าที่เพียงหายใจทิ้งและสูดเข้าไปใหม่ จนเมื่อเวลาได้หมดไป ถึงคิดได้ว่าชีวิตนี้ยังไม่ได้ทำอะไรอีกมากมาย น่าเสียดายที่บางคนไม่มีโอกาศได้รับรู้ถึงเรื่องนี้ สรุปเป้าหมายเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง เพราะเมื่อคุณได้เริ่มตั้งเป้าหมายก็เปรียบดั่งเราได้เข็มทิศชีวิตมา เราจะรู้เราเราจะเริ่มตรงไหนและเราจะรู้ว่าจุดจบมันจะเป็นอย่างไร

2.ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง
    ยกมาอยู่ที่อันดับสองของความสำคัญ เพราะเมื่อเรามีเป้าหมายแล้ว แต่ไม่ลงมือทำเสียที "เอาไว้ก่อน ปีหน้าก่อน ไว้ทีหลังก็ได้ พรุ่งนี้ทำแน่นอน" ถามว่าได้ทำไหม คำตอบคือไม่ แน่นอน ดั่งคำโบราณที่ได้กล่าวไว้ว่า จะตีเหล็กต้องตีตั้งแต่ยังร้อน เพราะปล่อยไว้นานมันจะหมดไฟ หมดใจและก็เลื่อนไปเรื่อยสุดท้ายก็ยังไม่ได้ทำซักที ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่เป็นเจ้าความคิด คิดนั้นคิดนี้ มีโปรเจ็คมากมายเยอะ เกินจนไ่รู้จะทำอะไรก่อน จนในที่สุดก็ไม่ได้ทำสักอย่าง คนที่รวย เมื่อเขาคิด ตั้งเป้าหมายได้แล้ว เขาจะทำทันที ได้แค่ไหนเอาแคนั้นก่อน แต่นั้นคือจุดเริ่มต้น ที่จะผลักดันเราไปข้างหน้า

3.กล้าได้กล้าเสีย บ้าบิ่น

   คุณสมบัติต่อมาคือ กล้าได้กล้าเสีย หรือก็คือ บ้าบิ่น นั้นเองเมื่อได้เริ่มลงมือทำ ไปสักพัก ทุกคนจะเจออุปสรรค และปัญหาใหม่ๆเข้ามาบางคนท้อและถอยไม่เอาไม่สู้ แต่ถ้านิสัยของคนรวยจะวิ่งเข้าใส่ปัญหา  ไม่ถอย หาทางออก มีคำกล่าวทุกปัญหามีทางออกเสมอ เขาจะทุ่มทั้งแรงกาย สมองและแรงใจ ทำโดยไม่ย้อท้อจนกว่าจะพบทางออก

4.สร้างสายสัมพันธ์กับผู้อื่น
   การทำงานเรื่องโครงการต่างๆเราจะทำคนเดียวไม่ได้ เพราะไม่มีใครเก่งไปซะทุกอย่าง หนทางในการสร้างความรวยอยู่ที่บุคลกรที่เรามี และสายสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ดี จะช่วยเราไปสู่เป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดินเป็นหลายเท่าตัว ทีมงานก็เป็นส่วนสำคัญไม่แพ้กัน เมื่อได้ทีมงานที่มีคุณภาพมีการมองไปในทิศทางเดียวกัน หนทางรวยเปิกกว้างสำหรับเราแน่นอน

5.ล้มแล้วลุกตลอด
   ทุกธุรกิจทุกงานย่อมมีปัญหาเกินขึ้นเสมอ ในคนส่วนใหญ่เมื่อเจอจะหยุด และไม่สู้เพราะอาจมีบางอย่างหรือปมด้วยฝังใจอยู่ ไม่ให้สู้เพราะสู้ไปก็มีแต่เสียกับเสีย จนบางคนโอกาศดีๆได้หลุดลอยไป จนน่าเสียดาย ล้มแล้วต้องลุก ล้มได้แต่ห้อมถอย ถอยได้เพียงก้าวเดียวเพื่อมาปัญหาให้กว้างขึ้น และวางแผนกระโจนหามันใหม่ แล้วท่านจะเจอกับ ความร่ำรวย ความสำเร็จแน่นอน

6.ไม่รอคอยวาสนา
   วาสนาคืออะไร คือการที่เราไปบนบานสานกล่าว หรือห้อยเครื่องราง เป็นล้าน แต่ถ้าเราไม่ทำไม่ลงมือเอาแต่ปิดประตูเพื่อรอคอยโอกาศจะมาเคาะประตูบ้านเรา คำตอบคือ โอกาศไปหาที่อื่นอยู่แล้วไม่มารอคุณหรอก ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา จริงๆ

7.ขยันอดทน
   คนใดขาดความอดทน ความขยัน เปรียบดั่งดินพอกหางหมู จนในที่สุด จะไม่ไปไหนมันหนักอุ้งไปหมด ถ้าคนมีหนี้ก็เรียกว่าชักหน้าไม่ถึงหลัง หนทางรวยต้องอาศัย ความอดทนอย่างมาก และความขยันอย่างสูง ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ถ้าไม่แลกมาด้วยแรงกาย ก็ต้องแลกมาด้วย สมองและเวลา ทั้งนั้น




การสร้างแนวคิดบวกเพื่อหนทางแห่งคาวมร่ำรวย

เปลี่ยนแนวคิดให้เป็นเชิงบวก
และปฏิบัติตัวโดยการฝึกฝนอยู่ เสมอ อุปนิสัยใหม่จะเกิดขึ้นเอง

หลีกเลี่ยงการบ่น


 
หลายคนเข้าใจว่าการบ่นเป็นการระบาย เมื่อพูดจบแล้วก็จะรู้สึกดีขึ้น แต่จริงๆ แล้วเราดีขึ้นชั่วคราว แต่จะจำเรื่องนั้นๆ ไปเลยว่าเราไม่ชอบ หากมีเหตุการณ์คล้ายๆกัน เกิดขึ้นอีกเราก็จะรู้สึกไม่ดีขึ้นมาโดยอัตโนมัติ จึงเรียนกว่าเป็น นิสัย ดังนั้นหากต้องการพูดเรื่องอะไรก็ควรให้มี่ความสร้างสรรค์ คือพูดแต่เรื่องดีๆ เราก็จะจำได้แต่เรื่องดๆ นิสัยเราก็จะปฏิบัติตามที่เราคิดนั่นเอง
 
ลดเรื่องจินตนาการเชิงลบ
 
การจินตนาการเป็นความคิดของเรา คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งยังไม่เกิดขึ้น หากเราคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เป็นเชิงลบ ย่อมทำให้เราเครียดและกังวลไปล่วงหน้า ทั้งๆที่จริงๆ แล้วเหตุการณ์เหล่านั้นอาจไม่เกิดขึ้น ก็ได้เพราะเป็นการคาดเดาของเราไปเอง แต่ถ้าเราจินตนาการเป็นเชิงบวกย่อมจูงใจให้เราลงมือปฏิบัติมากขึ้น เพราะเราคิดว่าถ้าทำแล้วจะเกิดผลดี และเป็นประโยชน์ ดังนั้นควรให้ความสำคัญ กับปัจจุบันให้มากที่สุด และถ้าคิดถึงอนาคต ก็ควรคิดว่าจะเกิดแต่สิ่งดีๆ นะครับ
 
เลิกตัดสินผู้อื่น
 
เราชอบสรุปว่าคนนั้นเป็นอย่างนี้ ซึ่งเราไม่ชอบเลยจริงๆ แล้วที่เราไม่ชอบเป็นเพราะเราใช้มาตรฐานความคิดของเราเป็นหลักในการพิจารณาผู้อื่น ซึ่งอาจถูก หรืออาจผิดได้ ทำให้ความสัมพันธ์ของเรากับเขาไม่ค่อยดี ในทางที่ถูกแล้ว ควรพิจารณาทั้ง 2 ด้าน คือในแง่ที่เรคิดและในแง่ที่ถ้าเราเป็นเขาเราจะปฏิบัติหรือคิดอย่างไร ก็จะทำให้เราเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น การปฏิบัติตัวต่อคนอื่นก็จะดีขึ้น
 
เผชิญหน้ากับปัญหา
 
ปัญหามีไว้เพื่อให้แก้ไข มิใช่มีไว้ให้เกิดความเครียด ดังนั้นหากพบเจอกับปัญหา  และอุปสรรคต่างๆ ก็ให้พิจารณาทางแก้ไขจะดีกว่า เพราะถ้าเครียดและกังวลกับปัญหาแล้ว  เราย่อมหาทางออกได้ยากขึ้น แต่ถ้ายอมรับว่าเกิดปัญหาแล้ว จะแก้ไขอย่างไรดี เราก็จะจดจ่อกับ วิธีแก้ไข แทนที่จะจดจ่อที่ตัวปัญหา แนวโน้มก็จะมีวิธีแก้ไขได้แน่นอน
 
เรียนรู้ที่จะปรับตัว
 
ความอึดอัดใจเป็นความรู้สึกที่เราคิดว่า “เราไม่อยากอยู่กับสถานการณ์เช่นนี้” ซึ่งจริงๆ แล้ว ความคิดของเรานั้นเอง ที่คิดว่าเราไม่ชอบ ไม่มีประโยชน์ ไม่อยากเจอ อยากหนีไปให้ไกล ซึ่งถ้าเราจำเป็นต้องอยู่ในสถานการณ์นั้นอีกสักระยะหนึ่งเราก็ควรปรับตัวโดยการคิดว่า สถานการณ์ให้เราได้เรียนรู้เรื่องอะไรได้บ้าง มีประโยชนต่อเราอย่างไร เราเข้าใจผู้อื่นมากขึ้นแค่ไหนเมื่อเราสร้างความสนใจต่อเหตุการณ์เสียใหม่ ความอึดอัดใจก็จะลดไปเอง เพราะเริ่มมีเรื่องน่าสนใจสำหรับเราแล้ว
 
เปลี่ยน “จุดด้วย” ให้เป็นจุดเด่น
 
จุดด้อยหรือจุดเด่น อยู่ที่เราคิดว่าจะใช้ประโยชน์กับคุณสมบัตินั้นๆ ได้หรือไม่ ส่วนใหญ่แล้วจุดด้อยเป็ฯสิ่งที่ผู้อื่น พูดถึงเราว่าเป็นคุณสมบัติที่ไม่ดีและเราก็เห็นด้วย แต่ถ้าเราพยายามแก้ไขข้อด้อยนั้นๆ เพื่อหวังว่า ผู้อื่นจะได้รับการยอมรับเรานั้น เราจะไม่สามารถพัฒนาข้อด้อยนั้นได้นาน เพราะตัวเราเองไม่ถนัดและไม่ชอบ แต่ถ้าเราลองมองคุณสมบัติที่เราเป็นอยู่นั้น เกิดประโยชน์ในด้านใด เราก็นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น คุณสมบัตินั้นก็จะถูกใช้ไปในทางที่เป็นประโยชน์ต่อเรา และเราก็ได้พัฒนาตัวเอง ทำให้เราสามารถเปลี่ยนข้อด้อยของเราเป็นข้อเด่นไปได้
 
มุ่งมั่น ไม่ท้อถอย
 
คนสำเร็จต่างกับคนทั่วๆไป ตรงที่ว่าเขาไม่เลิกก่อนเวลา ถึงแม้ว่าอาจดูว่าเป็นเรื่องยากก็ตาม คนส่วนใหญ่เกือบทำสำเร็จเพียงแค่อดทน หรือมุ่งมั่นไม่พอเท่านั้นเอง เป้าหมายต่างๆ นั้นไม่ยากเกินไปหากเรามุ่งมั่น และไม่ท้อถอย แม้ว่าความคิด ความรู้สึกจะบอกไปในทางว่าอาจเป็นไปไม่ได้ก็ตาม เนื่องจากความคิดเชิงลบย่อมเกิดขึ้นเมื่อเจออุปสรรค แต่ถ้าเราปฏิบัติต่อไป เราก็จะสำเร็จได้อย่างแน่นอน

ขอบคุณบทความดีจาก
http://www.entraining.net/knowledge_attitude.php

หนทางรวยแบบง่ายๆมีจริงหรือ

หนทางรวยแบบง่ายๆมีจริงหรือ


มีอยู่จริงครับ ถามว่าง่ายไหม ก็ง่ายอยู่น่า แต่ ก็มีโอกาศพลิกผันไม่แน่นอน

1.เสี่ยงดวง 
   ไม่ใช่สร้างแลนด์มาร์คนะครับ หมายถึงการลงทุนต่างที่มีความเสี่ยง  สลากที่รัฐบาลออกต่างๆ มีความเสี่ยงเกิน 80% ขึ้นไป มีโอกาสน้อยแต่ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ ถ้าwin win มาก็รวยได้เหมือนกัน พอหอมปากหอมคอ ไม่หมกมุ่น และจริงจังเกินไป

2.เล่นหุ้น
   พูดแต่ก่อนการเล่นหุ้น ต้องใช้ทุนสูง จึงเล่นได้เฉพาะคนมีฐานะ และปัจจุบัน ตลาดเปิดกล้างขึ้น โลกออนไลน์ เข้าสู่ยุคทอง คุณสามารถ ทำเงินได้จากที่บ้าน ทำการเทรด ง่ายผ่านทางออนไลน์ แต่ความเสี่ยงก็มี ขึ้นอยู่กับการศึกษาและประสบการณ์ และการฝึกฝน ง่าย เร็ว แรง ต้องหุ้น เลยจ้า

3. จับแพะชนแกะ
 เป็นสูตรสำเร็จใช้กันมานานแล้ว คล้ายๆ drop shipping คืนเป็นพ่อค้าคนกลาง เช่นลูดค้าต้องการสินค้าสักอย่าง เราก็จัดหามาให้ในราคาตลาด แต่เรารับมาจากผู้ผลิตโดยตรง ในราคาที่ถูกกว่าและกินส่วนต่างของราคา รายได้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

4.รีไซเคล เดรีเวอลี 
   ง่ายๆคือเก็บ ของเก่าขาย ไม่ว่าจะเป็น ของใกล้ตัวเช่น นาฟิกา กระเป๋าเก่า เสื้อผ้า หนังสือ หรือ กระป๋อง เหล็ก อื่นๆ มาแปลเป็นเงิน เข้ากระเป๋าง่ายๆ สบายๆ ไม่ต้องคิดมาก เดินเข้าไปแหล่งรับซื้อของเก่าที่มีมากมาย ก็แปรเป็นเงินมากิน มาใช้แล้ว

5.ตั้งบริษัทรับเหมาตบแต่งสวน หมู่บ้านจัดสรร 
   อันนี้ขอตามกระแสในปัจุจบัน ที่บ้าน หมู่บ้านจัดสรร กำลังบูม ออกเป็นดอกเห็ด เพียงคุณมีทีมงานเล็ก หรือ ฉายเดียว เรียมจากใกล้ก่อน แล้วขยายอิธิพล ไปเรื่อย งานพิเศษก็อาจกลายเป็นงานหลักได้สบาย โดยการชักชวนเพื่อนมาร่วมกันทำ แล้วไปวิ่งหางานกระจ่ายงานให้เพื่อนทำ กินเปอรเซนไป ง่ายๆเลย

6. ขายหมูปิ้งริมทาง
  รายได้ที่ในช่วงเช้าก็พอ ว่างๆ หาสูตรจาก อินเตอร์เน็ต ยูทูป ลองทำก่อน ถ้ามีลูกค้าติด มากๆ จากขำๆอาจปิ้งแทบไม่ทัน เงินทองไหลมาเทมา หนทางง่ายๆพารวยได้ไม่ยากเลย

หนทางของคนรวยมาตั้งแต่เกิด

       หนทางของคนรวยมาตั้งแต่เกิด

อันนี้เรามาดูคนที่เกิดมาพร้อมทุกอย่าง ทั้งฐานะการเงิน และพลังแห่งการเรียนรู้ ถ้าเป็นลูกของพ่อค้าต่างๆนานา เขาจะปลูกฝังลูกของตนเองให้รักการค้าขายให้มาลองขายเองช่วยเหลือตนเอง ฝึกตั้งแต่เด็กให้พร้อมรับช่วงกิจการต่อ คนเป็นพ่อแม่เขาจะไม่ยอมให้ลูกขาดความรู้เรื่องธุรกิจของครอบครัว เขาจะส่งลูกเรียนในสาขาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ครอบครัวทำอยู่ เพื่อให้มีความมั่นคงขึ้นและนำความรู้ใหม่ๆมาต่อยอดความรวยขึ้นไม่แปลกใจเลยที่ ธุรกิจในรุ่นพ่อ มาได้ดีถึงจุดหนึ่งแล้วแต่มาเจริญสุดแบบแตกสาขาเอาในรุ่นลูกรุ่นหลาน เพิ่มความร่ำรวยและเป็นปึกแผ่นของธุรกิจได้ไม่ยากเลย อยากตระกูลดัง ที่มีอยู่มากมายในปัจจุบัน ซึ่งเป็นแนวทางของบุคลกรเพียง 10% ของคนไทย ที่ทำแบบนี้ได้ เพราะสวนมากมีฐานนะปานกลาง หรือ ยังไมีมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ผมหมายถึงมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆนี้ล่ะครับ เรียนตั่งแต่ อนุบาล มาเรื่อยมั่วๆ จนมาถึงม.ปลาย ยังไม่รู้ว่าตัวเองควรไปทางไหนเลย ต้องไปปรึกษาครูแนะแนวอีก ทั้งที่เรียนมา เป็น 10กว่าปี มาแล้ว ยังไม่รู้ทางเดินไปสู่หนทางรวยเลย

ปากกัดตีนถีบยังไม่ใช่หนทางรวย

ปากกัดตีนถีบยังไม่ใช่หนทางรวย

ถูกแล้วครับ ฟังไม่ผิด ยกตัวอย่างคนทำงานซักอย่างแทบตาย ทำได้แค่เสมอตัว หรือล้มลุกคลุกคลานกับงานประจำหรืออาชีพส่วนตัว ทำยังไงก็ไม่รวยเสียที เพราะอะไร เพื่ออะไร เรามาวิเคราห์กันครับ ถ้าเราทำงานอย่างหนึ่งไปซักพักใหญ่ แล้วมันไม่ก้าวหรือเจอทางตัน ก็ควรจะหยุด หยุดไม่ได้หมายถึงหยุดไปเลย แต่ในที่นี้คือหยุดเพื่อคิดวิเคราะห์ใหม่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น หาทางแก้ในสิ่งนั้น ลองมุมใหม่ เราจะเห็นมุมที่กว้างขึ้นเพราะเมื่อเราทำงานแบบ ปากกัดตีนถีบก้มหน้าก้มตาทำอย่างเดียวเราจะมองไม่เห็นข้อผิดพลาด ของสินค้า และตัวเรา จนติดและวนไปวนมากับงานที่ทำ ผ่านไปนานเข้าๆยังไม่รู้ตัว ซึ้งคนส่วนมากเป็นเช่นนั้น จนเลิกล้มไปเพราะ เนื่องด้วยเวลา หรือทุน หรือความเบื่อหน่าย ที่นับวันยิ่งทวีขึ้นไป แต่ถ้าเมื่อเราเจอกับปัญหางานแล้ว เราทำไม่ได้ เช่นตัวอย่าง ถ้าขายเสื้อหรือผ้า แล้ว ขายไม่ดี ขายได้น้อย ถ้าเราปล่อยเวลาไปเนินนานก็ยังขายไม่ได้ แต่เราก็พยายาม ขายต่อไป ขายที่เดียวนี้แหละ ขายตลาดนี้หรือ ห้างนี้ จนเวลาผ่านไป ทุน เวลา ร่างกาย จิตใจ มันจะท้อ จนปากไม่กัด ถีบไม่อยู่ก็จบ กาลฉะนี้ แล
แต่ถ้าเราหยุด มาคิดก่อนล่ะ เช่น ขายไปสักพัก แล้วเอ๋ ทำไหมขายไม่ได้ไม่ออก ลองหยุดสัก2-3 วันหรืออาทิตย์ ดูสินค้า ดูทำเล ดูคนที่ขายคล้ายๆเราทำไมขายดี แล้ว นำมาประยุกต์ ใช้กลับเรา แล้วกระโดด ไปทำใหม่ โดยยังคงงานเดิมแต่ได้มีการขัดเกลาคาวมคิดให้กว้างขึ้น หนทางรวย หนทางแห่งความรวย เริ่มจะเปิดกว้างแล้ว ครับ

คนจนมีสิทธิรวยได้ไหม

คนจนมีสิทธิรวยได้ไหม
เป็นคำถามที่เหมือนตัดพ้อ ในโชคชะตาชีวิตใครลิขิตมาให้ฉันต้องมาอาภัพ เกิดมาไม่รวยเหมือนใครเขา เรียนก็ไม่ได้สูงที่ต้องหาร ไม่มีเงินจะกินข้าว ทำไมพ่อแม่เราไม่รวย สุดท้ายก็โทษนั้นโทษนี้ แล้วก็มาจบที่ท้อแท้ในความจนของตัวเอง ส่วนมากผู้ที่คิดเช่นนี้จะไม่มีทางลืมตาอ้าปากได้ ทำได้แต่รอผู้มาชี้ทาง และก็จะตั้งคำถามว่า มันทำได้จริงหรือ มีครอบครัวที่จน เกิดมาแล้วจน ใช่ว่าจะไม่มีหนทางรวยได้ มีตัวอย่างมากมายที่เขาก้าวมาจากเด็กยากจน อดมื้อ กินมื้อ เงินทองแทบไม่มีต้องขอข้าวจากวัดหรือเพื่อนบ้านมา ประทังชีวิต แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน เขาก็สามารถก้าวไปสู่หนทางรวยได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาโชคชะตา หรือครอบครัว ความจนไม่ใช่ติดมาแต่เกิด แต่มันติดมากับความคิด ถ้าคิดว่าเราจนเราก็จะจนตลอกไป แต่ถ้าเราคิด ว่าเรารวยมันก็จะรวยดังที่เราคิด หรือที่เรียกว่าคิดบวกนั้นเอง ความจนไม่ใช่กรรมพันธุ์ เริ่มต้นเราเลือกไม่ได้แต่พอนานไปเรามีประสบการณ์ มีความเข้าใจในตัวเอง คิดบวก เราก็จะเจอหนทางนั้นเอง